
เคยสังเกตอาการน้องแมวกันมั้ยเอ่ย นุดคนไหนเจออาการแปลก ๆ ของน้องกันบ้าง ถ้านุดคนไหนเจอน้องแมว นิ่ง ๆ ซึม ๆ ไม่ค่อยอยากอาหาร เบ่งอึไม่ค่อยออก ขอบอกเลยว่าอาการท้องผูกอาจจะมาเยือนนายท่านของเหล่านุดแล้ว ท้องผูกในแมวเป็นอีกหนึ่งอาการยอดฮิต ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับน้องแมวของนุดทุกตัว ซึ่งนอกเหนือจากการพาน้องไปหาคุณหมอ นุดหลาย ๆ คน ก็มักจะทำตามคำแนะนำในโซเชียลหรือหาวิธีในการดูแลน้องในแบบฉบับของตัวเอง บางความเชื่อแทนที่จะให้ประโยชน์ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อน้องแมวได้ วันนี้เราจึงได้รวบรวมความเชื่อของเหล่านุดทั้งหลาย เพื่อมาดูกันเลยว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยแก้ท้องผูกให้น้องแมวได้จริงหรือเปล่า จะถูกหรือมั่วและจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

ให้แมวกินฟักทองนึ่ง ช่วยให้อึนิ่ม
ฟักทอง เป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง การที่น้องแมวกินเส้นใยอาหารเหล่านี้จะช่วยเข้าไปกระตุ้นให้น้องแมวขับถ่ายได้มากยิ่งขึ้น และช่วยให้อึที่แข็งนิ่มลง น้องแมวสามารถทานได้ ไม่เป็นอันตราย แต่สิ่งสำคัญเลยคือนุดต้องควบคุมปริมาณให้ไม่มากเกินไป ไม่อย่างนั้นจากที่ท้องผูก อึแข็ง อาจจะกลายมาเป็นถ่ายเหลวได้เลยนะ ปริมาณฟักทองที่เหมาะสมกับน้องคือไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ ต่อวัน นำไปนึ่งหรือปรุงให้สุกและควรเป็นฟักทองตามธรรมชาติที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือปรุงแต่งจะดีที่สุดค่ะ

ให้แมวกินยาคูลท์ ช่วยให้น้องอึง่ายขึ้น
ถึงแม้จะมีเหล่านุดไม่น้อยเลยที่ชอบกินยาคูลท์ แล้วมักจะใช้มันเป็นตัวช่วยในวันที่ขับถ่ายไม่ออก แต่ก็ต้องบอกไว้เลยนะว่าสำหรับน้องแมวนั้น การให้น้องกินยาคูลท์มีโอกาสทำให้น้องท้องเสียได้ ยาคูลท์หรือนมเปรี้ยวเหล่านี้ถูกผลิตมาเพื่อนุดอย่างเรา ไม่เหมาะที่จะให้สัตว์เลี้ยงกิน และน้องแมวก็มีความต้องการทางโภชนาการและระบบย่อยอาหารที่แตกต่างจากคนด้วย ถึงบางคนในโซเชียลจะบอกว่าน้องกินได้ ยาคูลท์แคลลอรี่ต่ำด้วย แต่น้องบางตัวก็ต้องใช้เวลาในการปรับสมดุล ฉะนั้นยาคูลท์พวกนี้ นุดเก็บไว้กินเอง ฟินกว่าแน่นอน

ให้แมวลองกินโยเกิร์ต
ถ้าพูดถึงยาคูลท์แล้วก็จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับโยเกิร์ต อีกหนึ่งอาหารแก้ท้องผูกสุดฮิตของเหล่านุด โยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง ซึ่งนั่นทำให้นุดต่างก็เชื่อว่านอกจากโยเกิร์ตจะช่วยแก้ท้องผูกให้ตัวเองแล้ว มันอาจจะสามารถช่วยนายท่านได้เช่นเดียวกัน แต่นุดต้องอย่าลืมกันนะว่าโยเกิร์ตบางชนิดมีส่วนประกอบของนมวัว ซึ่งมีน้องแมวไม่น้อยเลยที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ และบางตัวก็แพ้แลคโตสอีก การให้น้องกินโยเกิร์ต จึงอาจจะทำให้น้องท้องเสียหรืออาเจียนได้ เพราะโยเกิร์ตไม่ใช่โภชนาการที่เหมาะกับสัตว์ แต่ถ้านายท่านของนุดกินโยเกิร์ตแล้วไม่มีอาการแพ้ ก็อยากแนะนำไม่ให้กินมากเกินไป ควรให้น้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณที่เหมาะและปลอดภัยคือไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ และควรเป็นโยเกิร์ตธรรมดา ไม่หวานเท่านั้น ไม่ควรเป็นโยเกิร์ตที่ปรุงแต่งรสด้วยนะ เพราะโยเกิร์ตพวกนี้ จะมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อน้องแมว เช่น องุ่น ช็อกโกแลต สารให้ความหวานอย่างสารไซลิทอล นุดคนไหนจะให้น้องกินโยเกิร์ตก็ต้องใส่ใจและดูแลน้องอย่างใกล้ชิดเลย

ต้มตำลึง ผสมอาหารเปียก
ตำลึงเป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่มีเส้นใยสูง การให้น้องแมวทานตำลึง จะช่วยขับเคลื่อนระบบลำไส้ แก้ปัญหาท้องผูกได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะให้น้องทานแต่ตำลึงนะ ควรให้น้องทานร่วมกับอาหารหลักของน้อง ความเชื่อที่ว่าให้ต้มตำลึงแล้วนำไปผสมอาหารเปียกนั้น จึงเป็นความเชื่อที่นุดสามารถนำไปทำตามได้ นอกจากจะทำให้น้องบำรุงเรื่องระบบขับถ่ายแล้ว ก็ยังเป็นการเติมสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นให้กับน้องอีกด้วย

ให้แมวกินไผ่เงิน
นุดทาสแมวที่เลื่อนฟีดโซเชียลบ่อย ๆ จะต้องเคยเห็นคลิปน้องแมวกินใบไผ่เงินผ่านตากันแน่ ๆ ไผ่เงินเป็นพืชจำพวกไผ่ที่ต้นเป็นกอเล็ก ใบก็มีลักษณะเรียวเล็ก ปลายแหลม มีสีเขียวสลับกับแถบสีขาวอยู่บนใบ ไผ่เงินถูกพูดถึงกันเยอะมากว่าช่วยในเรื่องขับถ่ายของน้องแมว น้องแมวสามารถกินไผ่เงินได้นะคะ น้องแมวบางตัวถึงขั้นโปรดปรานมากกับการกินไผ่เงิน โดยตัวไผ่เงินจะเข้าไปช่วยขจัดก้อนขนในท้องของน้อง ให้ก้อนขนที่รวมตัวกันอยู่ในท้องถูกขับออกมาและช่วยในการขับถ่ายของน้องด้วย แต่เพราะตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยออกมาว่าควรให้น้องกินไผ่เงินได้มากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นนุดควรระวังเรื่องปริมาณไผ่เงินที่จะให้น้องด้วยนะ และไม่ควรให้กินแต่ใบไผ่เงินเพียงอย่างเดียว ควรให้ไผ่เงินเป็นอาหารเสริม อาหารหลักที่มีสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นก็ห้ามขาดเลย

ข้าวโอ็ตผสมน้ำร้อน รอให้อุ่น แล้วผสมอาหารเปียก
“ข้าวโอ็ต” อาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ในเรื่องของการแก้ปัญหาท้องผูกในแมว ยังไม่มีการบอกปริมาณที่ชัดเจนว่าควรให้น้องกินข้าวโอ็ตเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล ยิ่งในข้าวโอ็ตมีคาร์โบไฮเดรตสูงด้วย แมวซึ่งเป็นสัตว์ที่ไม่ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไป การให้ปริมาณข้าวโอ็ตกับน้องมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาที่ลำไส้ได้ ฉะนั้นความเชื่อข้อนี้นุดอาจจะต้องขอผ่านไปก่อนนะ

ยาระบายของคน ผสมกับอาหารเปียกของแมว
“แมวท้องผูก อยากให้ถ่ายออก งั้นก็ใช้ยาระบายเหมือนของนุดไปเลยแล้วกัน” นุดคนไหนที่กำลังคิดแบบนี้กันอยู่ ต้องขอกดปุ่ม No ให้เลยนะ เพราะยาระบายของคนไม่ควรนำมาใช้กับน้องแมวเด็ดขาด เพราะร่างกายของสัตว์และร่างกายของคนมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน กระบวนการทำงานภายในร่างกายก็ไม่เหมือนกันด้วย ยาระบายของนุดที่ถูกผลิตมาเพื่อการรักษานุด ก็ควรจะให้นุดใช้เท่านั้นค่ะ ซึ่งสำหรับน้องแมวเองก็จะมียาระบายที่ใช้กับน้องโดยเฉพาะอยู่แล้ว การใช้ยาระบายในกรณีของอาการท้องผูกจะใช้กับน้องที่มีอาการไม่รุนแรงนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยาระบายของน้องแมวมีหลากหลายชนิดมาก เช่น ยาระบายที่กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ยาระบายที่ช่วยหล่อลื่นอึน้อง ยาระบายที่ช่วยให้อึของน้องนิ่มลงและอึได้ง่ายขึ้น แล้วยาระบายแต่ละชนิดก็ไม่ได้เหมาะที่จะใช้กับน้องแมวทุกตัว อีกทั้งหากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานก็อาจจะมีผลข้างเคียงต่อระบบและอวัยวะภายในได้ เช่น ลดประสิทธิภาพการทำงานในการดูดซึมสารอาหารและวิตามินต่าง ๆ หรือเกิดการอักเสบของตับและระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นถ้านุดต้องการจะใช้ยาระบาย ก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจะปลอดภัยกับนายท่านมากที่สุด เข้าใจมั้ยเหล่านุด

ป้อนน้ำมันมะกอกของคน ใส่สลิงค์ให้น้องแมวทาน
น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันธรรมชาติที่สกัดจาดผลมะกอก อุดมไปด้วยวิตามินและกรดไขมันที่ดีและวิตามินต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สำหรับน้องแมวน้องสามารถทานน้ำมันมะกอกได้ค่ะ น้ำมันมะกอกจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับน้องแมว ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เพื่อความหล่อลื่นในระบบย่อยอาหาร ให้อึน้องถูกขับออกมาได้ง่ายขึ้น และทำให้อึน้องนิ่มลงด้วย การให้น้ำมันมะกอกกับน้องแนะนำว่าควรให้ร่วมกับอาหารหลักของน้อง สามารถหยดลงบนอาหารร่วมกันได้เลย ปริมาณที่เหมาะสมคือ ครึ่งช้อนถึง 1 ช้อนโต๊ะค่ะ ไม่ควรให้น้ำมันมะกอกในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตามมาได้ค่ะ

ป้อนน้ำแมวเยอะ ๆ
หนึ่งในวิธีการดูแลน้องแมวท้องผูกที่ถูกต้อง คือการให้น้องกินน้ำค่ะ เพราะปัจจัยของการเกิดอาการท้องผูกของน้องแมวนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เพราะน้องกินน้ำน้อย น้ำเป็นสัดส่วนหลักในร่างกายของน้องแมวถึง 60% การที่น้องกินน้ำน้อย ทำให้ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อระบบขับถ่าย และระบบอื่น ๆ ในร่างกายของน้องที่จะทำงานไม่ปกติได้ ฉะนั้นการให้น้องกินน้ำจึงเป็นเรื่องที่ควรทำค่ะ
โดยปริมาณน้ำที่น้องควรได้รับต่อวันคือ 60 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และควรกระตุ้นให้น้องกินน้ำเยอะ ๆ ทริคของการดึงดูดความสนใจจากน้องคือการวางจุดกินน้ำในบริเวณที่น้องชอบอยู่เป็นประจำ อยู่ในพื้นที่สงบ น้องเข้าถึงได้ง่าย ควรเป็นน้ำสะอาดที่ใส่ในภาชนะที่เหมาะสม น้องกินได้ง่าย และไม่ควรทิ้งน้ำไว้นาน หมั่นเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ต่อครั้ง และไม่ควรวางน้ำไว้ใกล้กับกระบะทรายหรือชามอาหาร เพราะน้องบางตัวก็ไม่ปลื้มที่ได้กลิ่นอาหารบนน้ำที่กำลังกินอยู่ และนุดสามารถเพิ่มความอยากกินน้ำด้วยการทำเป็นน้ำพุแมวก็ได้นะคะ นายท่านน่ะชอบน้ำพุสุด ๆ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีความเชื่อไหนบ้างที่ตรงกับที่นุดกำลังเชื่อกันอยู่ ก็จะมีทั้งความเชื่อที่ถูกและความเชื่อที่ไม่ควรทำตาม สิ่งสำคัญเลยก็คือนุดต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของน้องแมวอยู่เสมอนะ เพราะอาการท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ และเมื่อน้องเกิดอาการท้องผูกแล้ว อย่าละเลยหรือปล่อยน้องไว้แบบนั้น นุดต้องหาสาเหตุให้เจอว่ามันเกิดจากอะไร จะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด การไปเจอคุณหมอก็จะช่วยให้น้องได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง หรือถ้านุดอยากจะทำตามความเชื่อเหล่านี้ ก็ควรมั่นใจก่อนว่าความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันบนโซเชียลเหล่านี้ เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอก่อน เพื่อที่น้องจะได้หายจากอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัย กลับมาเป็นนายท่านที่แข็งแรง สดใส ดีต่อใจเหล่านุดทาสแมวไปนาน ๆ เลย
นอกจากเรื่องราวของความเชื่อเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับน้องแมวอีกมากมายให้เหล่านุดได้ไปค้นหากัน ติดตามเรื่องราวสนุก ๆ ได้ที่ เพจแมวล้วน ๆ by CATE กันได้เลย
Comments